บัว(Lotus)
บัว(Lotus)
บัว เป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว ใบเป็นใบเดี่ยวเจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัว
บัวเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ จัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียวหรือสีเทาชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี
ในสัญลักษณ์ และความเชื่อ
บัวมีมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์ได้ปรุงยาจากดอกบัว ถวายแด่ องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แก้อาการอ่อนเพลีย ถือว่าดอกบัวเป็น ดอกไม้ประจำศาสนาพุทธตามพุทธประวัติพบว่า บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ เมื่อพระพุทธเจ้าประสูตติตรัสรู้ และปรินิพาน เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเมื่อ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า
คนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกบัว ในการบูชาพระอยู่เสมอ แต่บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล คือ บัวหลวง บัวผัน บัวฝรั่ง บัวสาย และบัวกระด้ง
ความเชื่อในทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยโบราณว่า ดอกบัวก็เหมือนกับคนเรานี้เอง ดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำขึ้นมารับแสงสว่างได้นั้น ก็เหมือนกับ ผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง กลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ซึ่งถือเป็นความหมายอันลึกซึ้ง และเป็นมงคลยิ่งนัก
คนโบราณจึงมึความเชื่อว่า ครอบครัวใดที่ปลูกบัวเอาไว้ประจำบ้าน ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้น มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด และเบิกบานแจ่มใส เช่นเดียวกับดอกบัว และยังเชื่ออีกว่า สายใยของบัวที่ยืดยาวนั้น คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว จะทำให้ทุกคนมีความห่วงใยรักใคร่ และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น ครอบครัวนั้น ก็จะมีแต่ความสุข เพราะความรักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวทุกคน
ควรปลูกต้นบัวในวันพุธเพราะวันพุธนั้น เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกสวยงาม ต้นบัวที่ปลูกในวันพุธ จะทำให้บัวผลิดอกบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งสระ
ผู้ที่เหมาะที่จะปลูกบัวมากที่สุด คือ ผู้ที่เกิดปีจอเพราะต้นบัวนั้น เป็นต้นไม้ประจำปีของคนเกิดปีจอ หากผู้ที่เกิดปีจอเป็นผู้ปลูก และมีผู้ที่เกิดปีเดียวกันอาศัยอยู่ภายในบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากยิ่งขึ้นไปอีก (ถ้าไม่มีผู้ที่เกิดปีจอ ก็ควรให้หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ปลูกก็ได้)
บัว 5ชนิด
1.บัววิกตอเรีย หรือ บัวกระด้ง (อังกฤษ: Victoria waterlily) เป็นบัวในสกุล Victoria จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ประมาณ 6 ฟุต ลอยบนผิวน้ำ ใบอ่อนมีสีแดงคล้ำเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม ขอบใบยกขึ้นตั้งตรง มีหนามแหลมตามก้านใบและผิวใบด้านล่าง ก้านดอกและกลีบเลี้ยงด้านนอกมีหนามแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ดอกแรกบานจะมีสีขาว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพู และเป็นสีแดงเรื่อในที่สุด บานเวลาใกล้ค่ำ หรือกลางคืน มีกลิ่นหอม และจะหุบในตอนสายของวันรุ่งขึ้น
เป็นบัวผันพันธุ์พื้นเมืองในทวีปแอฟริกา โดยมี ดร. เสริมลาภ วสุวัต นำมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2522 ก้านใบก้านดอกมีสีเขียว ไม่มีขน ใบค่อนข้างกลมไม่เป็นระเบียบ ดอกดกและทะยอยออก ดอกตูมค่อนข้างป้อม ดอกสีม่วงครามอ่อน กลีบเลี้ยงด้านนอกสีเขียว ด้านในสีครามอ่อนเช่นเดียวกับกลีบดอก เกสรตัวเมีย และก้านชูเกสรตัวผู้มีสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมหวาน
ดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกซ้อนกันมาก ดอกตูมมีทรงแป้น บัวหลวงลักษณะนี้เรียกว่า สัตตบงกช บัวหลวงแดง หรือบัวฉัตรแดง ดอกนำไปบูชาพระ ใบนำมาห่อของเช่นเดียวกับบัวหลวงปทุม กลีบชั้นในชาวมาเลเซียนำมาตำพอกแก้โรคซิฟิลิซ ชาวชวาใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง ก้านและใบสามารถนำมาทำยาหอม แก้ไข ยาธาตุ ฟอกโลหิต สัตตบงกช นิยมขยายพันธุ์โดยการแยกไหลเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากดอกไม่ค่อยบาน
4.ไดเร็คเตอร์จีทีมัวร์ (Director G.T. Mroore)
เป็นบัวผันพันธุ์ลูกผสม มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้ามาประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2514 ใบเป็นรูปไข่ ก้านใบ ก้านดอกมีสีน้ำตาลอมแดง ไม่มีขน ดอกดกและทยอยออกตามกัน บาน 3-4 วัน กลีบเลี้ยงด้านนอกสีเขียว ส่วนด้านในสีเหมือนกลีบดอกคือ สีม่วงเข้ม ปลูกใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดี เพราะก้านดอกและกลีบดอกแข็ง ปลูกง่าย และทนต่อโรคได้ดี
(Mrs.Edwards Whitaher)
เป็นบัวผันพันธุ์ลูกผสม มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่สหรัฐอเมริกา นำเข้าไทยเมื่อ พ.ศ. 2523 ลักษณะใบเป็นรูปไข่ ขอบใบจักร แหลมห่าง มีแถบด่างสีน้ำตาลแดง ก้านใบและก้านดอก สีเขียวเหลือบน้ำตาลแดง ไม่มีขน ดอกดกและทยอยออก กลีบดอกซ้อน กลีบเลี้ยงด้านนอกสีเขียว มีจุดประปลายสีน้ำตาลแดง ด้านในสีครามอ่อน เช่นเดียวกับกลีบดอก มีกลิ่นหอมหวาน
แหล่งที่มา http://www.baanjomyut.com/library/lotus/09.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น